วันจันทร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2553

อาหารมื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุดของวัน

คำสั่งสอนกันมาเก่าแก่ที่ว่า อาหารมื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุดของวัน ได้รับการยืนยันแล้วว่า เป็นเรื่องถูกต้องที่สุด เพราะได้มีการศึกษาพบว่า การอดอาหารมื้อเช้า ไม่แต่ทำให้ ขนาดรอบเอวไม่ลดเท่านั้น หากยังเป็นผลร้ายกับหัวใจของเราด้วยนักวิจัยของอังกฤษซึ่งได้ศึกษาจากพวกสาวๆ รูปร่างสะโอดสะอง ด้วยการลงทุนอดอาหารมื้อเช้า ได้พบว่าพวกเธอต่างได้รับโทษร้ายไปตามๆกัน ตั้งแต่ระดับของคอเลสเทอรอลในเลือดถีบตัวสูงขึ้น ไปจนถึงร่างกายดื้อกับอินซูลิน อันเป็นฮอร์โมนซึ่งคอยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดมากขึ้น ผิดกับผลการศึกษาไปเมื่อก่อนหน้า ซึ่งพบว่า ผู้ที่กินอาหารเช้าเป็นประจำ โดยเฉพาะอาหารที่ เป็นพวกธัญพืช จะมีระดับทั้งคอเลสเทอรอลและอินซูลินลดต่ำ ที่ร้ายก็คือว่า ผู้ที่ชอบอดอาหารเช้าในวันธรรมดา กลับยิ่งเผลอไปกินอาหารเช้าในวันหยุดที่มีแคลอรีสูง เลยกลายเป็นว่าแม้จะลงทุนอดอาหารเช้า แต่ท้ายที่สุดกลับอ้วนขึ้นกว่าเดิมได้

หัวหน้าคณะนักวิจัย ดร.ฮามิด อาร์ ฟาร์ชชิ แห่งมหาวิทยาลัยนอตติงแฮม กล่าวในรายงานผลการศึกษา ในวารสารวิชาการ "โภชนาการ" อเมริกันว่า เมื่อพิจารณารวมถึงผลการศึกษาที่แล้วๆมาด้วยแล้ว แสดงให้เห็นว่าการอดอาหารเช้า น่าจะเป็นภัยต่อสุขภาพในระยะยาว และในเรื่องที่ว่ามันช่วยรูปร่างผอมสะโอดสะองด้วยหรือไม่ ก็ยังไม่เคยทราบว่ามีความเกี่ยวพันกันด้วย นอกเสียจากว่าคนที่กินอาหารเช้าที่เป็นธัญพืชเป็นประจำ อาจจะมีส่วนเกี่ยวพันกันอยู่บ้าง

ที่มา หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ (ออนไลน์) วันพุธ ที่ 2 มีนาคม พ.ศ.2548


บะหมี่สำเร็จรูปกินง่าย อร่อยปากลำบาก-สุขภาพ

"มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค" เผยแพร่ผลการสำรวจปริมาณ "โซเดียม" อันตรายที่ซ่อนอยู่ในบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซึ่งพบว่า บะหมี่สำเร็จรูปส่วนใหญ่มีปริมาณโซเดียมในเครื่องปรุงรสมากกว่าปริมาณที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน จุดเด่นของบะหมี่สำเร็จรูปนั้นเป็นอาหารปรุงกินง่าย ราคาถูก แต่ข้อเสียสำคัญคือไม่มีสารอาหาร ทั้งยังส่งผลเสียต่อสุขภาพถ้าบริโภคมากไป ความห่วงใยว่าบะหมี่สำเร็จรูปจะเป็นภัยเงียบไม่ได้มีเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังเกิดขึ้นทั่วโลก พร้อมๆ กับยอดขายบะหมี่สำเร็จรูปที่พุ่งสูงถึง 6,500 ล้านซอง/ถ้วยต่อปี

สมาคมผู้บริโภคออสเตรเลีย(เอซีเอ) สำรวจพบว่า บะหมี่สำเร็จรูป 1 ซองมี "ไขมัน" มากพอๆ กับ "อาหารขยะ" จำพวกมันฝรั่งทอดจำนวน 1 ห่อเล็ก หรือเท่ากับพิซซ่า 1 ชิ้นเล็ก รวมทั้งมีปริมาณโซเดียมสูงกว่าอาหารขยะอีกด้วย ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพเด็ก ที่สำคัญ "น้ำมัน" ทอดบะหมี่สำเร็จรูปมักเป็นน้ำมันพืชราคาถูก ซึ่งมีคุณสมบัติแตกตัวเป็น "กรดไขมันชนิดทรานส์" ที่เป็น 1 ในปัจจุบันกระตุ้นให้เกิดโรคหัวใจ และจากเว็บไซต์ข่าวการแพทย์ WebMD ของสหรัฐรายงานว่า สเตฟานี่ บรู๊กส์ นักโภชนาการในซานฟรานซิสโกเตือนว่า คนที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง ป่วยด้วยโรคหัวใจ กินยาขับปัสสาวะ และยารักษาอาการซึมเศร้าบางชนิดไม่ควรรับประทานบะหมี่สำเร็จรูปโดยเด็ดขาด เพราะมีโซเดียมกับผงชูรสสูง

เหตุที่ไม่ค่อยเกิดกรณีกินบะหมี่สำเร็จรูปมากๆ แล้วป่วย เป็นเพราะผู้บริโภคสินค้าชนิดนี้ส่วนใหญ่เป็นเด็ก วัยรุ่น คนหนุ่มสาว ซึ่งร่างกายยังแข็งแรง ข้อสงสัยอีกประการเกี่ยวกับพิษภัยของบะหมี่สำเร็จรูปที่แพทย์เตือนไว้ก็คือ การที่บะหมี่สำเร็จรูปใส่สี ใส่สารทำให้กรอบ และผงชูรสในปริมาณมากๆ รวมทั้งถูกทอดในน้ำมันซึ่งผ่านการทอดซ้ำหลายๆ ครั้ง อาจจะทำให้เกิดการสะสมของ "คาร์บอน" ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งขึ้นมาในสินค้าประเภทนี้หรือไม่ ยิ่งไปกว่านั้น บะหมี่สำเร็จรูปยังใส่ "ผงชูรส" ซึ่งเป็นสารเพิ่มรสชาติมากเกินไป ในกรณีของผู้ที่แพ้ผงชูรสเมื่อรับประทานเข้าไป อาจเกิดอาการเหนื่อยอ่อน ปวดหัว หรือมีไข้ด้วยสภาพเศรษฐกิจบวกกับอุปนิสัยเคยชินกับการบริโภคบะหมี่สำเร็จรูปย่อมทำให้การละเลิกรับประทานสินค้าชนิดนี้เป็นไปได้ยาก

แต่ถ้าคิดจะรับประทานก็ควรใช้วิธีต่อไปนี้เพื่อลด "โทษ" ที่ซุกซ่อนอยู่ในบะหมี่สำเร็จรูป เช่น ควรต้มให้สุก อย่ากินเปล่าๆ โดยไม่เติมน้ำ เพราะบะหมี่จะเข้าไปพองในกระเพาะอาจทำให้เกิดอาการจุกแน่นได้นอกจากนี้ ควรใส่ไข่และผักลงไปด้วยทุกครั้งเพื่อเพิ่มโปรตีนกับวิตามิน รวมทั้งเมื่อต้มเสร็จแล้วให้เทน้ำซุปออกสักครึ่งหนึ่งเพื่อลดปริมาณสารเคมีไม่พึ่งประสงค์ในน้ำซุป ที่ง่ายที่สุดคืออย่ากินเกินวันละ 1 ซอง และอย่าตามใจปาก ถ้าไม่หิวก็ไม่ควรฉีกซองบะหมี่สำเร็จรูปมากินเล่นๆ จนติดเป็นนิสัย ไม่เช่นนั้นสารพัดโรคจะมารุมเร้าเร็วกว่าที่คิด

ที่มา หนังสือพิมพ์ข่าวสดปีที่ 15 ฉบับที่ 5347 วันอังคารที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2548หน้า 23

ปัญหาภาวะน้ำมันแพงดูเหมือนจะเป็นปัญหาที่ทุกคนแทบจะทั่วทุกมุมโลกกำลังเผชิญอย่างหลีกเลี่ยงเสียมิได้ ซึ่ง "วิชัย วงศ์สว่างรัศมี" ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ต้องก้มหน้าจ่ายเงินให้กับค่าน้ำมันรถที่นับวันยิ่งถีบตัวสูงขึ้น ทว่าเหล่านั้นได้กลายเป็นอดีตไปแล้ว เมื่อเขาได้มาค้นพบกรรมวิธีในการผลิตบ่อน้ำมันใช้เอง

โดย วิชัยได้อธิบายเรื่องราวทั้งหมดว่าเขาเรียนจบเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เมื่อประเทศไทยกำลังประสบภาวะน้ำมันแพง จึงได้ทำการศึกษาค้นคว้าน้ำมันไบโอดีเซลร่วมกับอาจารย์อธิราษฎร์ ดำดี และผลิตเครื่องต้นแบบในการผลิตน้ำมันไบโอดีเซลขึ้นมาช่วงกลางปี 2549 ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พลังงานไม่ใช่ปัญหาของเขามากนัก เพราะพลังงานไม่ใช่เรื่องยากที่เรียนรู้ หากเรามีความคิดและจิตใจที่จะเป็นผู้ผลิตมากกว่าผู้บริโภคอย่างเดียว

ขั้นตอนการทำไบโอดีเซลใช้เองไม่ใช่เรื่องยาก มีขั้นตอนการดำเนินงาน 5 ขั้นตอนดังนี้

1. การจัดเตรียมน้ำมันใช้แล้ว 100 ลิตร ได้ทุกอย่างไม่ว่าจากพืชหรือจากสัตว์ โดยนำมาผ่านการกรองหยาบและกรองละเอียด เพื่อให้น้ำมันที่ได้มาเบาและสะอาด ปราศจากกากอาหารที่ปนอยู่ แล้วนำเข้าถังเครื่องทำปฏิกิริยา ตั้งทิ้งไว้ 1 คืน แล้วปล่อยน้ำด้านล่างที่ปนน้ำมันออกมา เพื่อต้งอการให้เหลือน้ำมันใช้แล้วเพียงอย่างเดียว 100 ลิตร


2. การตรวจสอบทางเคมี (Tritration) นำน้ำมันที่ใช้แล้วประมาณ 10 C.C. มาตรวจสอบทางเคมี เพื่อหาค่าความเป็นกรดเป็นด่างของน้ำมันที่ใช้แล้ว เพื่อนำไปหาปริมาณสารเคมีที่จะนำมาใช้ในการทำปฏิกิริยากับน้ำมันที่ใช้แล้วอย่างถูกต้อง

3. นำเข้าเครื่องทำปฏิกิริยาทางเคมีกับน้ำมันที่ใช้แล้ว โดยอุ่นน้ำมันพืชใช้แล้ว 100 ลิตร ที่อุณหภูมิ 60 องศา และละลายโซเดียมไฮดร๊อกไซด์ หรือโปแตสเซียมไฮดร๊อกไซด์ ตามปริมาณที่คำนวฯได้จากข้อที่ 2 กับเมทานอล 20 ลิตร ซึ่งจะเรียกสารประกอบนี้ว่า “เมด๊อกไซด์” ค่อยๆ ปล่อยสารเมด๊อกไซด์ผสมกับน้ำมันที่ใช้แล้ว และให้ทำปฏิกิริยาร่วมกัน โดยคุมอุณภูมิไว้ที่ 60 องศาโดยตลอด 1 ชั่วโมง

4. ทำน้ำมันไบโอดีเซลให้สะอาด หลังจากทำปฏิกิริยาน้ำมันที่ใช้เรียบร้อยแล้วนั้น ก็ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 3-5 ชั่วโมง จึงถ่ายกลีเซอลีนออกมาประมาณ 18-20 ลิตร ที่เหลือคือน้ำมันผสมเนื้อสบู่ นำน้ำอ่อนประมาณ 60 ลิตร พ่นเป็นละอองล้างน้ำมันที่ได้ทิ้งไว้ 2-3 ชั่วโมง ถ่ายน้ำสบู่ออกด้านล่าง แล้วเอาน้ำสะอาดพ่นเป็นละอองล้างน้ำมันที่ได้อีกสัก 3-5 ครั้งๆ ละ 60 ลิตร ดำเนินการเหมือนครั้งแรก ดูจนแน่ในว่าน้ำที่ถ่ายไม่มีเนื้อสบู่ปนแล้ว จึงหยุดล้าง และนำไปผ่านถังรองเพื่อจับความชื้นและสิ่งแปลกปลอม

5. ตรวจสอบน้ำมันไบโอดีเซลว่าพร้อมใช้งานหรือไม่ โดยการตรวจด้วยสายตาว่า น้ำมันใสสะอาดหรือไม่ หรือนำน้ำมันผสมน้ำดูการแยกชั้นว่าเร็วหรือไม่ และดูว่าน้ำด้านล่างสะอาดหรือไม่ หรือนำน้ำมันผสมเมททานอลในอัตรา 1 ต่อ 10 ผสมให้เข้ากันดูว่าผสมกันเป็นเนื้อเดียวกันหรือไม่ หรือการวัดค่า Ph วัดความถ่วงจำเพาะวัดดูว่ามีค่าเท่าใด และยังมีอีกหลายวิธีที่จะตรวจสอบ

ทั้ง 5 ขั้นตอนที่กล่าวมานั้นใช้เวลาในการดำเนินงานไม่เกิน 2-3 วัน การดำเนินการต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขความปลอดภัยและรักษ์สิ่งแวดล้อม

จากไทยรัฐ

ได้พบวิธีใหม่ ขณะทดลองกลั่นน้ำทะเลให้เป็นน้ำจืด ด้วยเครื่องกำเนิดไฟฟ้าพลังคลื่นความถี่วิทยุ เพื่อใช้ในการรักษาโรคมะเร็ง เขาได้พบว่าคลื่นความถี่วิทยุใช้เผาไหม้น้ำทะเลได้
ในการแสดงเพื่อทดสอบการค้นพบ ที่ห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยเพนน์ สเตท ที่สหรัฐฯ อาจารย์วิชาเคมี นายรอสตัม รอย ได้พบว่า
คลื่นความถี่วิทยุมีพลังไปทำลายแรงเชื่อมของธาตุต่างๆที่ประกอบกันเป็นน้ำทะเลให้สลายลง ปล่อยให้ก๊าซไฮโดรเจนออกมา เมื่อจุดไฟก๊าซจะเผาไหม้ตราบเท่าที่ถูกฉายด้วยคลื่นความถี่วิทยุอยู่ เขาได้กล่าวยกย่องว่า "เป็นการค้นพบในเรื่องวิทยาศาสตร์ของน้ำ ที่เยี่ยมยอดที่สุดในศตวรรษ เพราะน้ำทะเลเป็นสารที่มีอยู่อย่างอุดมที่สุดของโลก มีอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง ผมเห็นมันไหม้ได้ทำให้ผมถึงกับสะท้าน "
เขาแจ้งว่า ได้นัดกับเจ้าหน้าที่กระทรวงพลังงาน กระทรวงกลาโหม เพื่อจะหางบทำการวิจัยเรื่องนี้ " เพราะนักวิทยาศาสตร์ต้องการรู้ว่า พลังที่เกิดจากการเผาก๊าซไฮโดรเจน ด้วยความร้อนสูงเกิน 3,000 องศาฟาเรนไฮต์นั้น แรงพอจะใช้ขับเคลื่อนรถยนต์หรือเครื่องจักรหนักไหวหรือไม่ เราจะรวมหัวกันพิจารณาว่ามันเป็นไปได้หรือไม่ และจะทำอะไรได้ต่อไป".

วันพุธที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ยาสลบในปลา

msu
ยาสลบในปลา
โดย ฉวีวรรณ หนูนุ่นยาสลบหรือ Anaesthetic หมายถึง สารเคมีที่ทำให้เกิดอาการสูญเสียความรู้สึกบางส่วนหรือทั้งหมดโดยยาสลบจะแพร่เข้าสู่ระบบประสาทส่วนกลางไปยับยั้งการทำงานของเซลล์ประสาทในส่วนของการส่งถ่ายข้อมูลไปสู่เซลล์ประสาทอื่น ๆ ทำให้สูญเสียการตอบสนองต่อการกระตุ้นจากภายนอกนั่นเองปัจจุบันยาสลบที่ใช้ในสัตว์น้ำมีหลายชนิด แต่ส่วนมากใช้ในปลา ที่นิยมใช้ได้แก่1.) MS-222 มีชื่อทางเคมีว่า 3-aminobenzoic acid ethylester methanesulfonate หรือชื่อทางการค้าว่า Tricane methanesulfonate และ Meta-caine ซึ่งเป็นยาสลบชนิดเดียวที่ได้รับการจดทะเบียนจากองค์การอาหารและยาของประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศทางยุโรปให้ใช้กับปลาที่เป็นอาหารได้ แต่ต้องพักปลาไว้เป็นเวลาอย่างน้อย 21 วัน หลังจากการใช้ยาจึงนำมาบริโภคได้ MS-222 มีลักษณะเป็นผงสีขาวละเอียด มามีกลิ่นละลายน้ำได้ดีทั้งในน้ำจืดและน้ำเค็ม จึงซึมผ่านเข้าเหงือกอย่างรวดเร็ว ยาสลบชนิดนี้มีราคาค่อนข้างแพง 5 กรัมราคาประมาณ 1,350 บาทข้อควรระวังในการใช้ 1.MS-222 จะทำให้ความเป็นกรด-ด่าง(pH)ของน้ำลดลง ไม่เหมาะกับน้ำที่มีความเป็นกรด-ด่างต่ำ 2. ควรมีการเติมโซเดียมไบคาร์บอเนต เมื่อทำเป็นสารละลายเข้มข้นควรใส่ในขวดแก้วทึบแสงแล้วเก็บไว้ในตู้เย็นจะคงประสิทธิภาพได้ประมาณ 3 เดือน ความเข้มข้นที่ใช้ - ปลาแซลมอน ความเข้มข้น 40-50 มิลลิกรัมต่อลิตร- ปลานิลและปลาChanal catfish ความเข้มข้น 100 มิลลิกรัมต่อลิตร- การขนส่งปลานิลเป็นเวลา 24 ชม. ความเข้มข้น 30 มิลลิกรัมต่อลิตร- การขนส่งปลากัดเป็นเวลา 48 ชม. ความเข้มข้น 25-30 มิลลิกรัมต่อลิตร- การขนส่งปลาหางนกยูงเป็นเวลา 48 ชม. ความเข้มข้น 70-80 มิลลิกรัมต่อลิตร2.) Benzocaine มีชื่อทางเคมีว่า ethyl-p-aminobenzoate Benzocaine มีลักษณะเป็นผงสีขาว แต่ละลายในน้ำได้น้อยมาก ละลายได้ดีในอะซีโทนและเอทธานอล ไม่ทำให้คุณภาพน้ำเปลี่ยน หากอยู่ในรูปของ Bebzocain-hydrocloride จะละลายน้ำได้ดีขึ้น แต่จะทำให้ pH ของน้ำลดลง ผู้ใช้จึงควรระวังและเลือกซื้อให้เหมาะสม ยาสลบชนิดนี้สามารถใช้ได้ทั้งน้ำจืดและน้ำทะเลเช่นเดียวกัน และมีแนวโน้มว่าจะได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของประเทศสหรัฐอเมริกา ให้นำมาใช้แทน MS-222 เนื่องจากราคาถูกกว่า คือ 100 กรัม ราคา ประมาณ 1,600 บาท ข้อควรระวังในการใช้ เช่นเดียวกับ MS-222 ความเข้มข้นที่ใช้ - ปลาแซลมอน ความเข้มข้น 40 มิลลิกรัมต่อลิตร- ปลานิล ความเข้มข้น 100 มิลลิกรัมต่อลิตร3.) 2-Phenoxyethanol มีชื่อทางการค้า เช่น phenoxethol, phenylmonoglycol ether, rose ether 2-Phenoxyethanol ลักษณะเป็นของเหลวคล้ายน้ำมันสีเหลืองอ่อน มีกลิ่นเล็กน้อย ละลายน้ำได้ปานกลาง คุณสมบัติเป็นสารฆ่าเชื้อแบคทีเรียและราได้ จึงมีการนำมาใช้เป็นส่วนผสมของยารักษาโรคและเครื่องสำอางค์ ยาสลบชนิดนี้มีการนำมาใช้ในปลามากพอสมควรเนื่องจากมีราคาไม่แพง ยาสลบปริมาตร 500 มิลลิลิตร ราคา ประมาณ 2,750 บาทข้อควรระวังในการใช้ 1. มีส่วนผสมของ ethylene oxide ที่ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังผู้ ใช้ จึงควรใส่ถุงมือหรือไม่สัมผัสโดยตรง 2. ควรละลายยาสลบในน้ำปริมาตรเล็กน้อยคนให้เข้ากันก่อนเทลงในภาชนะที่จะทำการสลบปลา ความเข้มข้นที่ใช้ - ปลาทรงเครื่องขนาด 1.5 นิ้ว นาน 66 ชม. ความเข้มข้น 75 มิลลิกรัมต่อลิตร- ปลาสอดแดงเต็มวัย นาน 60 ชม. ความเข้มข้น 200-220 มิลลิกรัมต่อลิตร- ปลาหางนกยูงเพศผู้ ความเข้มข้น 180-200 มิลลิกรัมต่อลิตร4.) Quinadine ชื่อทางเคมี คือ 2-4-methyquinoline Quinadine ลักษณะเป็นของเหลวคล้ายน้ำมันสีเหลืองน้ำตาลละลายในน้ำได้น้อย ละลายได้ดีในอะซีโตนหรือแอลกอฮอล์ มีกลิ่นฉุ่น ประสิทธิภาพจะลดลงในน้ำที่มี pH น้อยกว่า 5 และตัว quinaldine เมื่อเติมลงน้ำจะทำให้เกิดภาวะเป็นกรดเพิ่มขึ้น การสะสมในเนื้อเยื่อปลาพบว่าภายหลังการใช้ 24 ชั่วโมงไม่สามารถตรวจวัดได้ เป็นยาสลบที่ใช้กันมานาน ราคาไม่แพงมาก 250 มิลลิลิตร ราคา 3,900 บาท จึงมีการใช้กันแพร่หลายข้อควรระวังในการใช้ 1. ทำให้น้ำเป็นกรดเพิ่มขึ้น จึงควรเติมไบคาร์บอเนต 2. กรณีที่น้ำมีค่าความเป็นด่างต่ำ ก่อนนำไปใช้ควรละลายในอะซีโตนและเก็บในขวดสีทึบไม่ถูกแสงแล้วเก็บในตู้เย็นความเข้มข้นที่ใช้ ส่วนมากนิยมใช้สลบปลาเพื่อการศึกษาในห้องปฏิบัติการ โดยอยู่ในช่วงความเข้มข้น 15-60 มิลลิกรัมต่อลิตร ขึ้นกับขนาดและชนิดของปลา และระหว่างการสลบเพื่อการผ่าตัดพบการตอบสนองเป็นครั้งคราว ทดลองเพื่อใช้ในการขนส่งปลาทรงเครื่องพบว่า quinaldine ไม่เหมาะสมและทำให้มีอัตราการตายสูงกว่ากลุ่มที่ไม่ใช้ยาสลบ อย่างไรก็ตามแม้ว่ายาสลบทั้ง 4 ชนิดที่กล่าวมาแล้วข้างต้น จะสามารถช่วยลดการตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นจากภายนอกได้ แต่ยังคงมีรายงานทดลองพบว่ายาสลบดังกล่าวทำให้ฮอร์โมนคอร์ติโซลของปลาที่ได้รับยาสลบเพิ่มสูงขึ้นซึ่งจะมีผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน ดังนั้นผู้เขียนคิดว่าหากจะทำการสลบปลาแล้วนำไปเลี้ยงต่อ น้ำที่ใช้ควรสะอาดปราศจากเชื้อโรค และควรมีการทดสอบยาสลบกับปลาแต่ละชนิดและระยะเวลาที่ทำการสลบก่อนนำไปใช้จริง เพื่อป้องกันการผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากปัจจัยต่างๆดังที่ได้เสนอไปแล้ว


เอกสารอ้างอิง ปวีณา ทวีกิจการ.2550.การใช้ยาสลบในปลา.ว.ข่าวโรคสัตว์น้ำ ปีที่ 16 หน้า 4-6. อนชุน หัยกิจโกศล และกัญช์ เกล็ดมณี. 2550. การใช้ยาสลบในปลา.[Online]Avaikable :

ได้ blog แล้ว

ยินดีที่ได้รู้จัก